มาส์กหน้าเด้งด้วย เบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีประโยชน์มากกว่าที่คิดหลายคนอาจจะคิดว่า เบียร์ เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดื่มแล้วเมาอย่างเดียวอะไรแบบนี้ ขอบอกว่าความจริงไม่ใช่จ้า เบียร์มันสามารถเอาไปทำประโยชน์อะไรได้เยอะแยะเลยแหละ ทั้งดื่มทั้งใช้ แต่ก็ต้องดื่มต้องใช้อย่างพอดีนะมันถึงจะเกิดคุณ วันนี้ จะพาคุณไปดู มาส์กหน้าเด้งด้วย เบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีประโยชน์มากกว่าที่คิด!! ทำไม่ยากๆ ใช้ของหาง่ายทั้งนั้นเลยมาส์กหน้าเด้งด้วย เบียร์… วัตถุดิบ 1. เบียร์ 1- 2 ถ้วย 2. น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ 3. ไข่ไก่ 1 ฟองวิธีทำ นำส่วนผสมทั้งหมดมปั่นให้เป็นเนื้อครีมละเอียด จากนั้นก็นำมามาส์กให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด เมื่อล้างหน้าออกแล้วคุณจะพบว่า ใบหน้าดูสดใส และนุ่มเด้งขึ้นมาทันตาเลยแหละ ควรมาส์กสูตรนี้อาทิตย์ละครั้ง Cr. lifestyle.campus-star.com
View moreรู้ไว้ไม่ป่อง 6 วิธีคุมกำเนิดและข้อดี-ข้อเสียรู้ไว้ไม่ป่อง 6 วิธีคุมกำเนิดและข้อดี-ข้อเสีย เกี่ยวกับ คุมกำเนิดการคุมกำเนิดสามารถทำได้ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีวิธีการคุมกำเนิดในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งที่ทำได้เองและวิธีที่ต้องทำโดยบุคลากรทางการแพทย์ เช่น วิธีที่ทำได้ด้วยตนเอง 1. ยาเม็ดคุมกำเนิด : วิธีนี้เป็นวิธีที่สะดวก เพราะหาซื้อง่ายตามร้านขายยาทั่วไปมีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง โดยมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 1-9% แต่ก่อนรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดควรปรึกษาแพทย์และควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อน2. ถุงยางอนามัย : ถือเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดเพราะสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา หรือร้านค้าทั่วไป หากคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2-18% และไม่มีผลข้างเคียง ที่สำคัญ การคุมกำเนิดวิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย3. ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน : ใช้สำหรับกรณีฉุกเฉิน ไม่ควรนำมาใช้พร่ำเพรื่อ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ เนื่องจากในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินมีปริมาณตัวยาที่สูง4. แผ่นแปะคุมกำเนิด และวงแหวนคุมกำเนิด : วิธีเหล่านี้มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 1-9 % แต่ต้องเปลี่ยนแผ่นแปะคุมกำเนิด และวงแหวนคุมกำเนิดตามระยะเวลาหรือประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิด ดังนั้น ก่อนใช้ควรปรึกษาแพทย์และศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วน วิธีที่ต้องทำโดยบุคลากรทางการแพทย์ 5. ยาคุมกำเนิดชนิดฝัง ห่วงคุมกำเนิด หรือการทำหมัน : การคุมกำเนิดด้วยวิธีเหล่านี้จะต้องให้แพทย์เป็นผู้ทำให้ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเชื้อ ซึ่งการคุมกำเนิดวิธีเหล่านี้ดังกล่าวมีประสิทธิภาพสูง โดยมีโอกาสตั้งครรภ์ไม่ถึง 1%6. ยาฉีดคุมกำเนิด : วิธีนี้มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง คือมีโอกาสการตั้งครรภ์ 1-9% แต่อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้มากนัก เพราะยาฉีดคุมกำเนิดจะต้องฉีดซ้ำตามระยะเวลาหรือประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดฉะนั้น ไม่ว่าจะคุมกำเนิดด้วยวิธีใดๆ ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดด้วย ทางที่ดีก่อนตัดสินใจเลือกวิธีคุมกำเนิด ควรปรึกษาแพทย์และศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อนขอขอบคุณ ข้อมูล :สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ภาพ :iStock health.sanook.com
View more10 วิธีเอาตัวรอดจากการถูก “มอมยา”10 วิธีเอาตัวรอดจากการถูก “มอมยา” เกี่ยวกับ มอมยา เรื่องของการมอมยา อาจจะเคยได้ยินกันมาเรื่อยๆ เป็นพักๆ ทั้งสาวที่โดนมอมยาเสียสาวจนโดนกระทำชำเราเพราะไม่ได้สติ ข่าวยาป้ายที่ทำให้ผู้ที่ถูกป้ายเกิดอาการมึนงงจนทำอะไรตามใจอีกคนได้ (อ่านต่อ >> มีจริงหรือ? “ยาป้าย” อาวุธร้ายของมิจฉาชีพ) หรือจะข่าวคนขับแท็กซี่ให้ดมยาสลบผ่านแอร์ปรับอากาศ (ซึ่งก็เป็นเรื่องที่มีความเป็นจริงได้ยาก) แต่ก็จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นยาชนิดไหน จุดประสงค์ที่ใช้ก็ไม่ได้ทั้งนั้นดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศใด อายุเท่าไร ก็ควรระมัดระวังตัวจากยาเหล่านี้ เพราะอาจไม่ใช่แค่เสียตัว หรือเสียทรัพย์สิน แต่อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว อาการเริ่มต้นของผู้ที่ถูกมอมยา อาการจะแตกต่างไปตามยาแต่ละตัวที่มิจฉาชีพใช้ มีตั้งแต่มึนงง เวียนศีรษะ ง่วงนอนโดยไม่ทราบสาเหตุ ไปจนถึงปากชา ลิ้นแข็ง คลื่นไส้ เป็นต้น แต่โดยทั่วไปแล้วจะเป็นอาการที่ทำให้เราไม่ได้สติ หรือมีสติสัมปชัญญะน้อยที่สุด และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหลังรับประทานอาหาร และเครื่องดื่มที่มียาตัวนี้เข้าไป วิธีเอาตัวรอดจากการถูก “มอมยา”หากไปร่วมงานปาร์ตี้ หรือไปดื่มในสถานบันเทิง ควรดื่มเครื่องดื่มที่ตัวเองเตรียมเอง หรือจากเพื่อนที่เรามองทุกขั้นตอนขณะที่เขาเตรียมเครื่องดื่มให้เรา ตั้งแต่ขวดยังไม่เปิดฝา คอยมองแก้วเครื่องดื่มของตัวเองอยู่ตลอดเวลา อย่าทิ้งระยะนานแล้วหันไปหยิบดื่มอีก ควรเทเครื่องดื่มใส่แก้วทีละนิด ดื่มช้าๆ ให้หมดเป็นแก้วๆ ไป เทลงแก้วทีละนิดหลายๆ ครั้ง ดีกว่าผสมมาเต็มแก้วแล้วค่อยๆ จิบ ไม่รับเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนของเพื่อนก็ตาม ควรดื่มแบบจิบช้าๆ ทีละนิด เพราะหากมีการใส่ยาลงไปจริงๆ จะได้ออกฤทธิ์ไม่หนักมาก หากรู้สึกว่าเครื่องดื่มมีรสชาติแปลกไป อาจจะขม เค็ม หรือมีกลิ่นแปลกๆ ควรหยุดดื่มทันที เปลี่ยนแก้วทุกครั้งที่ไปเข้าห้องน้ำ แล้วกลับมาใหม่ หากเริ่มรู้สึกเวียนหัว ง่วง มึนงง ควรตั้งสติแล้วไปหาเพื่อน อยู่กับเพื่อนที่ไว้ใจได้ตลอดเวลา ดื่มน้ำเปล่าตามเข้าไปทันทีที่รู้สึกว่าอาจดื่มเครื่องดื่ม หรือทานอาหารที่ใส่ยา อย่าลืมเอาโทรศัพท์มือถือไว้กับตัวตลอด ตั้ง speed dial เป็นเบอร์โทรของพ่อ แม่ แฟน หรือเพื่อนที่ไว้ใจที่สุด ถ้ากำลังจะหมดสติแล้วจริงๆ กดโทรหาคนเหล่านี้ให้ได้ก่อน ทั้งนี้ ทางที่ดีที่สุด คือ ควรหลีกเลี่ยงการไปเที่ยว ไปปาร์ตี้ หรือสถานบันเทิงที่ไม่น่าไว้ใจ อย่าไว้ใจคนแปลกหน้าที่เข้ามาตีสนิท ระมัดระวังเครื่องดื่ม และอาหารที่เราทาน อย่าคลาดสายตา และไปกับคนที่ไว้ใจด้วยทุกครั้ง นอกจากนี้อย่าลองยา หรืออะไรแปลกๆ ที่มีคนยื่นให้เด็ดขาด แม้กระทั่งเพื่อนในกลุ่ม อย่าให้ความไว้ใจทำให้ชีวิตเราอันตราย สนุกได้แต่อย่าให้เลยเถิดนะคะขอขอบคุณ ภาพ :iStock health.sanook.com
View moreกาแฟ แค่จิบวันละนิด ก็ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆกาแฟ แค่จิบวันละนิด ก็ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ เกี่ยวกับ ติดกาแฟมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่เสพติดการดื่มกาแฟ วันหนึ่งต้องดื่มไม่น้อยกว่า 2 แก้ว เนื่องจากคาเฟอีนนั้น ช่วยให้สมองมีความกระปรี้กระเปร่า มีความตื่นตัวไม่ทำให้ง่วงนอนในระหว่างวัน และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้หลายคนจำเป็นต้องดื่มกาแฟตลอดทั้งวัน นัยว่าเป็นเครื่องดื่มที่ใช้ "โด๊ป" ร่างกายอย่างหนึ่งจนทำให้ส่งผลเสียตามมามากมาย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว หาก "จิบ" กาแฟเพียงวันละนิดหน่อย ร่างกายก็ได้ประโยชน์มากมายแบบไม่น่าเชื่อ เช่น 1.ช่วยเผาผลาญพลังงานเพิ่มมากขึ้น หากต้องการจำเผาผลาญพลังงาน กาแฟที่จะนำมา "จิบ" จะต้องเป็นกาแฟดำที่ไม่ผสมอะไรเลย แน่นอนว่ารสชาติของมันคงไม่เป็นที่ปรารถนาของใครหลายคน แต่รู้หรือไม่ว่า ถ้าหากจิบกาแฟดำก่อนการออกกำลังกาย 30 นาที จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ไม่ต่างจากการทานแอลคาร์นิทีนเลย และนี่คือ สูตรที่นักออกกำลังกายหลายคนนิยมใช้กัน บางคนก็บอกว่าจิบแล้ว ช่วยให้ออกกำลังกายได้นานกว่าเดิมอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ออกกำลังกาย แต่ถ้าคุณต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการทำงาน ก็สามารถใช้สูตรนี้เพื่อลดน้ำหนักได้เช่นกัน 2.ช่วยเพิ่มความจำ ร่างกายของมนุษย์ก็จำเป็นที่จะต้องได้รับคาเฟอีนเข้าไปบ้าง เพื่อให้เกิดการกระตุ้นบริเวณสมองและหลอดเลือดให้มีการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่าเดิม การจิบกาแฟในช่วงเช้าภายหลังจากตื่นนอน หรือก่อนเริ่มทำงาน จะเป็นการกระตุ้นความทรงจำให้ดีขึ้น มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ยืนยันได้ว่า ผู้ที่จิบกาแฟเป็นประจำทุกเช่า จะมีความทรงจำที่แม่นยำมากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟเลย 3.ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง นอกเหนือไปจากคาเฟอีนแล้ว ในกาแฟก็มีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก ถ้าหากว่าเราดื่มกาแฟสด หรือกาแฟคั่วบดจากเมล็ด เพียงวันละ 1 แก้วน้อย ๆ เท่านั้น สารอนุมูลอิสระจากกาแฟก็จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกายให้มากขึ้น เพื่อไปต้านสารอนูมูลอิสระ สารสำคัญที่เป็นตัวการก่อมะเร็งในร่างกายของเราได้ และด้วยเหตุผลเดียวกัน หากดื่มกาแฟเพียงวันละเล็กน้อย ก็จะช่วยชะลอความแก่ได้ เนื่องจากสารอนุมูลอิสระ จะทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า รวมถึงทำให้เซลล์ต่าง ๆ เสื่อมสภาพได้เร็วยิ่งกว่าเดิมใครที่รู้ตัวว่าเป็นคนติดกาแฟอย่างหนัก หรือดื่มเกินวันละ 2 แก้วต่อวัน ก็ขอให้ลองลดจำนวนลง หรือเปลี่ยนเป็นจิบเพื่อทอดระยะเวลาในการดื่มกาแฟต่อแก้วให้มากกว่าเดิม จะได้ประโยชน์กว่าการยกซดแก้วทีเดียวหมดแก้วแบบที่คุณคาดไม่ถึงขอขอบคุณ ภาพ :pexels, unsplash women.sanook.com
View moreหน้าสดก็สวยได้! แค่ดูแลตัวเองให้เป็นหน้าสดก็สวยได้! แค่ดูแลตัวเองให้เป็น เกี่ยวกับ หน้าสดสาวๆ ส่วนใหญ่มักจะระแวงหรือกลัว ไม่อยากให้ใครมาเห็นหน้าสดของตัวเอง ซึ่งหน้าสดที่ไม่ได้แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางใดๆ มักทำให้หลายคนขาดความมั่นใจเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้เราก็ไม่ควรที่จะกังวลมากเกินไป ลองเปลือยหน้าสดให้คนอื่นได้ชื่นชมกันบ้าง พร้อมการดูแลความสวยความงามในส่วนอื่นๆ ตามนี้ ก็จะทำให้คุณสาวๆ มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นแน่นอน บำรุงผิวรอบดวงตา ดวงตาสามารถบ่งบอกได้ถึงสุขภาพว่าเป็นอย่างไร หากอยากจะเปลือยหน้าสดแบบมีสุขภาพดี ก็ไม่ควรปล่อยให้ขอบตาคล้ำเป็นอันขาด วิธีดูแลผิวรอบดวงตาก็ง่ายมาก เริ่มตั้งแต่การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรเครียดมากเกินไป และการใช้อายครีมก็ถือเป็นตัวช่วยที่เหมาะสมอย่างมากทีเดียว บำรุงผิวหน้าเป็นประจำ การดูแลผิวหน้าเป็นสิ่งที่จะขาดไม่ได้อย่างยิ่ง หากว่าเราอยากจะโชว์หน้าสดได้อย่างมั่นใจ สาวๆ ก็ต้องหมั่นบำรุงผิวหน้าด้วยครีมที่มีความเหมาะสมกับผิวอยู่เสมอ นอกจากนี้ หาเวลาว่างๆ มาสครับเพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าออกบ้าง ควบคู่กับการหมั่นมาส์กหน้าเป็นประจำ เพื่อเติมสารอาหารบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ผิวก็จะเผยความกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติได้ในทันที ดูแลริมฝีปากให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ การมีริมฝีปากที่ชุ่มชื้นมีสีชมพูระเรื่อนั้น เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่บ่งบอกถึงความสดใสและสุขภาพดี เพราะริมฝีปากที่มีความชุ่มชื้น ปราศจากความแห้งแตกเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของผู้หญิงเราเลยก็ว่าได้ สำหรับการดูแลความงามในส่วนของริมฝีปากก็ทำได้ง่ายมากๆ เพียงหมั่นทาลิปบาล์มเป็นประจำ โดยเป็นลิปที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์และวิตามิน นอกจากนี้แล้ว สิ่งที่ไม่ควรลืมด้วยก็คือ การดูแลฟันให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อจะได้ฉีกยิ้มสวยๆ ให้ผู้อื่นประทับใจ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ถึงแม้ว่าเราจะดูแลความงามตนเองจากภายนอกมากเพียงใดก็ตาม แต่หากว่าไม่ดูแลจากภายใน เช่น การอดหลับอดนอนบ่อยๆ หรือนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนดึก ก็จะทำให้สุขภาพย่ำแย่และมีผิวหน้าที่หมองคล้ำ แลดูโทรมได้ง่าย ทางที่ดีควรนอนพักผ่อนให้ได้ประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน โดยเข้านอนก่อน 5 ทุ่ม เพื่อให้ฮอร์โมนผิวสวยได้หลั่งออกมาซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวที่สึกหรอ ทำให้สาวๆ มีผิวสวยสดใสอย่างมีสุขภาพดีอย่างแท้จริง ทรงผมต้องเข้ากับใบหน้า ทรงผมเรียกได้ว่ามีอิทธิพลต่อใบหน้าอย่างมากเลยทีเดียว การเลือกทรงผมที่เข้ากับใบหน้าของเรา จะทำให้ผู้หญิงเราดูสวยและมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเลือกทรงผมสวยๆ ที่เข้ากับใบหน้าได้แล้ว ก็อย่าละเลยการดูแลบำรุงผมให้สวยเป็นประจำอย่างเด็ดขาด ผิวหน้าสวย เส้นผมก็สวยสุขภาพดี แบบนี้มีแต่จะยิ่งสวยสดใสแบบไม่ต้องง้อเมคอัพแน่นอนเป็นอย่างไรกันบ้างคะสาวๆ จะเห็นได้ว่าการเปลือยหน้าสดนั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลแต่อย่างใด หากสาวๆ ได้ดูแลปรนนิบัติตัวเองในด้านความสวยความงามทุกสัดส่วนอย่างที่เราแนะนำไปเป็นอย่างดี เพียงแค่นี้ ก็ทำให้หนุ่มๆ เหลียวหลังมองกันเป็นแถวๆ แล้วล่ะขอขอบคุณ ภาพ :istock women.sanook.com
View more5 วิธีรับมือ แฟนเด็ก คบกันยังไงให้เข้าใจกัน รักหวานชื่น ไม่มีทะเลาะ5 วิธีรับมือ แฟนเด็ก คบกันยังไงให้เข้าใจกัน รักหวานชื่น ไม่มีทะเลาะ เกี่ยวกับ มีแฟนเด็กสนับสนุนเนื้อหามีแฟนเด็กต้องทำยังไงให้รักกันนานๆ ?? เราเชื่อว่าสาวๆ ที่กินหนุ่มวัยละอ่อนจะต้องมีคำถามนี้อยู่ในใจบ้างแหละ คือด้วยนิสัยของเด็ก กับนิสัยของผู้หญิง มันมีความเหมือนกันอยู่นะ เพราะฉะนั้นถ้าคนนึงไม่อ่อนให้ ก็อาจจะส่งผลให้เกิดการทะเลาะกันได้วันนี้เรามีวิธีมัดใจหนุ่มน้อยมาฝาก 5 วิธีรับมือแฟนเด็ก คบยังไงให้อยู่หมัด รักกันไปยาวๆ ไม่มีทะเลาะ วิธีง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ ถ้าอยากกระชุ่มกระชวยไปนานๆ ห้ามพลาดเด็ดขาด เตรียมตัวรับมือให้ทัน สาวแก่อย่างพวกเรากำลังมาแรง ต้องมีวิธีที่เอาให้อยู่ ถ้าอยากรู้ ไปดูกันเลยค่ะ เข้าใจด้วย มีเหตุผลด้วยมาดูกันที่ข้อแรก อย่างที่เราเกริ่นไว้ตอนแรกว่า นิสัยของเด็ก กับนิสัยผู้หญิงมันมีความเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าคุณคิดที่จะมีแฟนเด็ก คุณต้องเป็นผู้หญิงที่เข้าใจง่าย พร้อมทั้งมีเหตุผลด้วย อย่ายึดติดอารมณ์ และความคิดของตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว รับฟังเขาบ้าง เวลาทะเลาะกันอย่าเพิ่งโมโห โวยวาย เพราะคุณอายุมากกว่า คุณต้องเป็นผู้ใหญ่กว่า ไม่ว่าแฟนเด็กของคุณจะนิสัยแบบไหน คุณต้องจำไว้เสมอว่าคุณพร้อมจะรับฟังทุกเรื่องของเขา จะไม่มีแดกดัน ซ้ำเติมใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าคุณทำแบบนี้ได้ แฟนเด็กไปไหนไม่รอดหรอก มุมมองที่แตกต่าง ก็ปรับให้เข้ากันได้เพราะเด็กกว่า บางทีมุมมองชีวิตก็อาจจะแตกต่างกับเราบ้าง สมัยนี้โลกมันหมุนไปไหวมาก คุณอย่ายึดติดกับความคิดเดิมๆ แฟนเด็กบางคนอาจจะไม่ทันคิดเรื่องอนาคต แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักคุณ นั่นเพราะเขาอาจจะอยากทำวันนี้ให้ดีที่สุดก่อน อย่าเอาแต่คิดว่า เธอชอบ แต่ฉันไม่ชอบ ,สิ่งที่เธอทำ มันไม่เข้ากับฉันเลย ,ไลฟ์สไตล์เธอมันคืออะไร ฉันไม่เข้าใจ ห้ามตั้งแง่กับสิ่งที่คุณยังไม่เคยลองทำ อย่ามองว่าสิ่งที่เขาทำคือสิ่งที่ไม่ดี คุณไม่ชอบ เดินหนีดีกว่า อย่างน้อยลองดูก่อน ถามก่อน ถ้าไม่โอเคก็แค่บอกเขา แต่ไม่ใช่ห้ามเขาให้หยุดทำสิ่งนั้น ปรับทัศนคติ และมุมมองของคุณ และเขาให้เข้ากัน ไม่ต้องเหมือนเป๊ะ แค่พอดีก็พอ อย่าตึงเกินไปทะเลาะกันทีไฟรุมทั้งคู่ ริมีแฟนเด็กนอกจากมีเหตุผลแล้ว ใจต้องเย็นด้วย ถ้าคุณทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร เคลียร์กันให้ตายก็ไม่มีวันลงตัว ในฐานนะที่คุณเป็นคนที่อายุมากกว่า เพียงแค่ยอมอ่อนข้อให้เขาบ้างมันไม่ได้เสียศักดิ์ศรีหรอกนะ ความรักมันไม่ใช่การแข่งขัน คุณไม่จำเป็นต้องมาแข่งว่าใครจะแพ้ หรือชนะ ถ้าคุณเป็นฝ่ายผ่อนปรนลงบ้าง ปัญหาระหว่างวัยจะไม่ร้ายแรง แต่ถ้าตึง แข็งข้อ รับรองว่าไม่มีทางจบได้แน่ๆ แถมรักยังมีรอยร้าวอีกด้วย เพราะฉะนั้น หยุดความงอแงแบบเด็กๆ ของคุณ แล้วทำตัวให้สมกับเป็นนูน่าแสนน่ารักซะ เขาจะได้ไปไหนไม่รอด ลดความกลัว เพิ่มความรักมีแฟนเด็กแล้วยังไง ออกจะดี เมื่อคุณตัดสินใจคบคนที่อายุน้อยกว่า อย่าปล่อยให้ความกลัว กังวล และปัญหาระหว่างวัยต่างๆ มากัดกินหัวใจ ไม่ต้องคิดว่าเขาอายุน้อย อนาคตต้องเจอคนที่เหมาะสมกว่าแน่ ,นี่มันวัวแก่กินหญ้าอ่อนนี่หว่า ,ทำไมมึงคบคนแก่วะ สาวๆ มีเยอะแยะ อย่าเอาคำพูดของคนอื่นๆ สายตา หรือความคิดแย่ๆ มาเป็นต้นเหตุทำลายความรัก ถ้าคุณตกลงที่จะรักเขา อายุมันไม่ใช่ปัญหา มันอยู่ที่คุณจะรักษาความรักยังไงมากกว่า ไม่ต้องหวานจนน่าอิจฉา แค่ช่วยกันเติมเต็มส่วนที่ขาด
View more5 นิสัย ‘มนุษย์เมีย’ ที่ทำให้สามีเอือมระอา จนแทบอยากขอหย่า!5 นิสัย ‘มนุษย์เมีย’ ที่ทำให้สามีเอือมระอา จนแทบอยากขอหย่า! เกี่ยวกับ มนุษย์เมียสนับสนุนเนื้อหาการที่ผู้ชายจะตัดสินใจแต่งงานกับผู้หญิงสักคน ไม่ใช่แค่อยู่บนพื้นฐานของความรักและเขาอยากสร้างครอบครัวกับคนที่รัก แต่ผู้ชายเขายังคาดหวังด้วยว่า ผู้หญิงที่จะมาเป็นภรรยาและเป็นแม่ของลูกเขาในอนาคตนั้น จะต้องเป็นภรรยาที่ดีและที่สำคัญต้องไม่เปลี่ยนไปเป็นหน้ามือเป็นหลังมือหลังจากแต่งงานเพราะถ้าภรรยามีนิสัย ‘มนุษย์เมีย’ ที่น่าเอือมระอา นานวันเข้าอาจจะกลายเป็นปัญหาครอบครัวที่ไม่ใช่แค่ผัวเมียทะเลาะผิดใจกัน แต่อาจนำไปสู่การหย่าร้างขึ้นมาในภายหลังก็ได้ ฉะนั้นสาวๆ รีบเช็คด่วนว่าคุณมีนิสัยเหล่านี้ติดตัวหรือไม่! ก่อนที่เรื่องเล็กๆ จะความสัมพันธ์ในครอบครัวของคุณเปลี่ยนไป 1. เมียที่จู้จี้ขี้บ่น นิสียจู้จี้ขี้บ่นดูจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนรักกันที่อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ซึ่งถ้าหากว่าภรรยาบ่นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะรับกันได้ อย่างเรื่องความเป็นระเบียบในบ้านหรือเรื่องลูกๆ บ้าง ก็ไม่เท่าไรหรอก แต่ถ้านิสัยส่วนตัวของภรรยาเป็นคนจู้จี้ขี้บ่น บ่นได้ทุกเรื่องตั้งแต่เช้ายันเย็นเป็นประจำทุกวันอย่างนี้ละก็ เชื่อเหอะว่าสามีคนไหนก็ทนไม่ได้ 2. ใช้เงินเปลือง ไม่มีสามีคนไหนชอบภรรยาที่มีนิสัยใช้เงินแบบมือเติบ ยิ่งถ้าคุณเป็นขาช็อปที่ใช้เงินเก่งโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง มีหวังต้องเลิกกันเพราะปัญหาเรื่องเงินแน่ๆ โดยเฉพาะในกรณีที่สามีภรรยากระเป๋าเงินเดียวกันด้วยแล้ว บอกเลยว่าเงินคือเรื่องยิ่งใหญ่ในครอบครัวอันดับต้นๆ ที่คู่แต่งงานจะมองข้ามไม่ได้ ฉะนั้น การจะใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ ไม่ว่าจะเพื่อส่วนรวมหรือเพื่อส่วนตัวก็ตาม ควรจะปรึกษาหารือกันก่อน อย่างน้อยๆ ก็จะได้คิดก่อนที่จะใช้เงิน ไม่ให้เป็นปัญหาบ้านแตกในภายหลัง 3. เซ็กส์ที่ไม่สุขสมหรือไม่สามารถเติมเต็มความต้องการให้แก่กันได้ดังแต่ก่อน เรื่องจริงของชีวิตคู่คือเราไม่ได้นอนจับมือหรืออยู่ด้วยกันเฉยๆ ฉะนั้นไม่ต้องแปลใจเลย ถ้าหากว่าเซ็กส์จะเป็นตัวแปลสำคัญที่บอกถึงความสัมพันธ์ ว่าคู่แต่งงานจะรักกันไปยาวนานหรือจะหย่าร้างกันในเร็ววัน เพราะผู้ชายเขามีความต้องการและต้องการเซ็กส์ที่สุขสมจากคนของตัวเอง แต่ถ้าภรรยาไม่เล่นด้วย น่าเบื่อ ไม่ชอบมีเซ็กส์ ไม่สามาถเติมเต็มสิ่งที่ต้องการให้กันได้ งั้นก็อย่าแปลกใจถ้าสามีจะมีบ้านเล็กบ้านน้อยโดยที่คุณไม่รู้! twitter.com4. เอาปัญหาภายนอกเข้ามาในบ้าน อย่าเป็นภรรยาที่ชอบทำตัวเป็นกระดาษซับความทุกข์ให้คนอื่น! เช่นว่ามีเพื่อนหรือญาติจำเป็นใช้เงินซึ่งเป็นทุกข์ของเขา แต่เรา กลับเอาความทุกข์มาเป็นของเรา ต้องเที่ยวไปหยิบยืมเงินคนโน้นคนนี้จนทำให้คนในบ้านเกิดอาการ "ปรี๊ดแตก" เพราะปัญหาในบ้านตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ถ้าเป็นอย่างนี้คงไม่ดีแน่ หากจะช่วยญาติหรือเพื่อนจริงๆ ควรจะเป็นแนวทางอื่นที่ไม่ทำให้คนในครอบครัวของเราต้องเดือดร้อนไปด้วย 5. ภรรยาที่ไม่ทำงานบ้าน ‘เจ้าเป็นคนกำเริบ ไม่รู้จักกาลเทศะ วาจาพิกลพิการ ฟังไม่รู้ความ จิตใจหบายกระด้างไม่มีเมตาข้าทาสบริวาร ไม่เอาการเอางาน ขี้คร้านตัวเป็นขน ดีแต่แต่งตัวนั่งชม้อยชายตา หน้าขาวน่ารำคาญ’ ใครคุ้นกับประโยคนี้บ้างเจ้าคะ ใช่แล้วค่ะ นี่คือประโยคที่พระเอกหรือ "หมื่นสุนทรเทวา" ในละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กล่าวว่านางเองที่จะมาเป็นว่าที่ภรรยา เพราะนางไม่มีความเป็นกุลสตรีทั้งยังไม่เอาการเอางานอะไรสักอย่าง ถึงในยุคสมัยนั้นผู้หญิงจะไม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน แถมยังมีคนรับใช่ไม่ต้องหยิบจับทำอะไรเอง แต่เรื่องงานบ้างงานเรือนยังไงก็ต้องรู้จักทำบ้างไว้บ้าง ถึงจะทำได้เล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม เพราะไม่ว่าจะชายไทยในยุคสมัยไหน ก็ไม่มีใครชอบผู้หญิงที่ไม่ทำงานบ้านไม่เป็นและไม่คิดจะทำ อย่างแน่นอน
View moreทำอย่างไรให้กลายเป็นแขกสุดเริ่ดในงานแต่งเพื่อน เคล็ดลับสำหรับเพื่อนเจ้าสาวที่ยังโสดทำอย่างไรให้กลายเป็นแขกสุดเริ่ดในงานแต่งเพื่อน เคล็ดลับสำหรับเพื่อนเจ้าสาวที่ยังโสด เกี่ยวกับ แต่งงานสนับสนุนเนื้อหาเชื่อว่าผู้อ่านทุกคนในที่นี้ คงต้องเคยได้รับเชิญไปงานแต่งงานกันมาบ้างแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าการที่คุณได้รับการ์ดเชิญไปร่วมงานแต่งงาน นั้นย่อมหมายความว่าคุณคือบุคคลสำคัญสำหรับบ่าวสาว ที่ต้องการให้คุณไปร่วมแสดงความยินดีและเป็นสักขีพยานในงานแต่งงานของเขาทั้งคู่ ฉะนั้น นอกจากคุณที่มีหน้าที่เป็นแขกจะต้องรู้จักมารยาทในการไปร่วมงานแต่งงานที่ดีแล้ว การเป็นแขกในงานแต่งเพื่อนก็ให้ผลดีกับสาวโสดหลายๆ คนเช่นกัน ซึ่งจะมีวิธีการเตรียมตัวไปร่วมงานแต่งงานอย่างไร ให้เป็นสาวสวยที่เริ่มที่สุดในงานแต่งงานเพื่อน มาดูกันค่ะ 1. ตอบรับคำเชิญตั้งแต่เนิ่นๆ หลังจากได้รับคำเชิญหรือการ์ดเชิญจากบ่าวสาวอย่างเป็นทางการแล้ว ควรตอบรับคำเชิญให้บ่าวสาวรับทราบตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าคุณมีเจตนาที่จะไปร่วมงานแต่งงานหรือหากไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานได้จริงๆ ก็ควรบอกเหตุผลไปตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าปล่อยทิ้งช่วงไว้นานจนลืม (เผลอๆ คุณเองจะมาน้อยใจว่าบ่าวสาวไม่เห็นมาเชิญด้วยตัวเอง ไม่มาเชิญไม่ไปแล้ว) ซึ่งนั้นอาจทำให้บ่าวสาวเข้าใจว่าคุณไม่สามารถไปร่วมงานได้ เพราะขณะที่บ่าวสาวแจ้งคำเชิญต่อคุณในครั้งแรก คุณอาจเป็นหนึ่งในรายชื่อแขกสำคัญที่บ่าวสาวต้องแจ้งยอดพิมพ์การ์ดและระบุที่นั่งในงานเลี้ยงแล้วก็ได้ 2. แม้จะแต่งตัวเผ็ดแค่ไหนก็ต้องรู้จักมารยาท การเป็นแขกที่เริ่ดที่สุดในงานแต่งงานไม่ใช่เรื่องที่ผิดค่ะ คำว่าฆ่าได้ฆ่าใครตายช่างมัน ยังได้ผลเสมอกับการจัดเต็มไปงานแต่งงาน ซึ่งคุณไม่ต้องกังวลเลยว่าจะแย่งซีนเจ้าสาว เพราะวันแต่งงาน บ่าวสาวคือบุคคลสำคัญที่แขกทุกคนจะให้ความสนใจอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ถึงจะเริ่ดและเผ็ดแค่ไหน ก็ต้องดูรูปแบบของการจัดงานด้วย หากเป็นงานเช้า พิธีเข้าโบสถ์หรือพิธีแต่งงานไทย ๆ ที่มีผู้หลักผู้ใหญ่และต้องให้เกียรติสถานที่เป็นพิเศษ ก็อย่าเพิ่มเซ็กซี่ในช่วงเวลาแบบนี้เลยค่ะ เพราะอาจจะดูไม่งามเท่าไร อดใจไว้งานเย็นที่เป็นงานเลี้ยงฉลองดีกว่า ทีนี่จะเผ็ดพริก 10 เม็ดก็ไม่มีใครว่า แถมเจ้าสาวอาจจะชอบด้วยที่มีเพื่อนสวยๆ เต็มงานแต่งตัวเอง (ภูมิใจมีเพื่อนสวย) 3. แต่งตัวให้เข้าธีม จะบอกว่าการแต่งตัวที่เริ่ดที่สุดและเรียกทุกสายตา (โดยเฉพาะเพื่อนเจ้าบ่าว) ก็คือการแต่งตัวให้เข้าธีมนี้แหละ เป็นอะไรที่แซ่บสุดในการแต่งตัวไปงานแต่งงานแล้ว เพราะธีมงานแต่งงานโดยทั่วไปบ่าวสาวจะกำหนดธีมสีมา 1-2 สี สำหรับให้แขกหาชุดใส่มาร่วมงานแต่งงาน เลือกธีมสีที่คิดว่าขับผิวคุณมากที่สุด และมั่นใจที่สุด ไม่ว่าชุดแบบไหนก็ทำให้คุณสวยเด่นที่สุดในงานแต่งงานได้แน่นอน ไม่ต้องไปแต่งชุดขาวแข่งกับเจ้าสาวจริงๆ ชุดขาวก็ไม่ได้ผิดอะไรนะ แต่เจ้าสาวเขาใส่สีขาว ให้เขาเป็นสีขาวจุดเดียวในงานแต่งงานไปดีกว่าค่ะ ส่วนแขกหรือเพื่อนเจ้าสาวแต่งสีตามธีมอะเริ่ดสุดแล้ว สวยเด่นได้ไม่แพ้กัน พร้อมทั้งหน้าผมและชุด กินขาดแน่นอน 4. อย่าเสียดายค่าเสริมสวย หลายคนสงสัยว่าเวลาผู้หญิงไปร่วมงานแต่งงานต้องถึงขนาดจ้างช่างแต่งหน้าเลยเหรอ คือมันต้องจัดเต็มไงค่ะ จริงๆ ถ้าเป็นสาวๆ ที่แต่งหน้าเก่งอยู่แล้วก็จะเซฟตรงนี้ไปได้มาก แต่ถ้าไม่ใช่คนแต่งหน้าเก่ง แต่งานแต่งงานนี้ต้องจัดเต็ม (ฉันต้องไปเจอเพื่อนที่เคยแอบชอบสมัยเรียน) อ่ะ…อันนี้จัดเต็มเถอะค่ะ คุณไม่ได้เสียค่าเครื่องสำอางทุกวัน การลงทุนมีความเสี่ยงแต่ก็คุ้มค่าได้เช่นกัน สาวโสดอาจจะปิ้งรักในงานแต่งเพื่อนก็ได้ ใครจะรู้ล่ะคะ (ยิ้มร้าย) 5. วางแผนเรื่องเวลาและการเดินทางไว้ล่วงหน้า ต่อให้แต่งตัวสวยและเริ่ดแค่ไหน แต่ถ้ามาสาย ไปร่วมแสดงความยินดีกับบ่าวสาวไม่ทัน เพราะรถติดหรือมัวแต่แต่งตัวสวย ยังไงก็ดูเป็นการเสียมารยาทอยู่ดี แถมคุณยังไม่มีเวลาเดินเฉิดฉาย กับได้ถ่ายรูปสวยๆ คู่กับบ่าวสาวในงานแต่งงานอีกด้วย (ทั้งที่อุตส่าห์จัดเต็มแท้ๆ) เพราะฉะนั้นนอกจากจะต้องดูวัน เวลา และสถานที่จัดงานแต่งงานให้ดี ตั้งเตือนล่วงหน้าในมือถือสัก 1 วัน ก่อนวันจริงก็ลองศึกษาเส้นทางและระยะเวลาในการเดินทางดู แต่ถ้าจะให้ชัวร์จริงๆ ไปก่อนเวลาได้จะดีที่สุดค่ะเป็นอย่างไรกันบ้างคะ? กับเคล็ดลับที่เรานำมาฝาก จริงๆ แล้วนอกจากเรื่องของความสวยและการรู้จักมารยาทในการเป็นแขกที่ดีจะทำให้คุณดูมีเสน่ห์และเป็นแขกชั้นเริ่ดที่บ่าวสาวและคนรอบข้างประทับใจแล้ว การเป็นตัวของตัวเอง และยิ้มแย้มแจ่มใส่ ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณดูมีเสน่ห์ มีคนสนใจ ซึ่งไม่ว่าจะไปงานแต่เพื่อนหรืองานแต่งใครๆ ก็ต้องมีคนมองและอยากรู้จักคุณแน่นอนค่ะ
View moreอาการวิ่งแล้วจุกท้อง จุกลิ้นปี 5 วิธีนี้.. ช่วยรับมือได้!อาการวิ่งแล้วจุกท้อง จุกลิ้นปี 5 วิธีนี้.. ช่วยรับมือได้! เกี่ยวกับ วิ่งเชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอปัญหาว่าเวลาที่วิ่งออกกำลังกาย แล้วรู้สึกจุกท้อง จุกลิ้นปี่ จนทนไม่ไหวต้องหยุดวิ่งไปเสียอย่างนั้น วันนี้เราจึงมีเทคนิคดี ๆ มาแนะนำกัน เพื่อที่จะช่วยให้คนที่อยากวิ่งออกกำลังกาย ได้วิ่งออกกำลังอย่างที่ตั้งใจโดยไม่มีการจุกท้องมาเป็นอุปสรรคในการวิ่งกัน 1.กินนิดๆ หน่อยๆ ก่อนออกกำลังกาย หากคุณทานอาหารแล้วออกไปวิ่งทันทีอาจทำให้คุณมีอาการจุกท้องได้ โดยคุณจะทานก่อนออกวิ่งซักประมาณ 2 ชั่วโมงและควรทานเป็นมื้อย่อย ๆ แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ควรเป็นอาหารที่ย่อยง่าย หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตสูง และอาหารไขมันสูง เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะใช้เวลาในการย่อยค่อนข้างนาน ซึ่งอาจทำให้เรารู้สึกจุกท้องในระหว่างที่วิ่งได้ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีแก๊สเยอะ ๆ ซึ่งกินแล้วจะทำให้แน่นท้องอย่างน้ำอัดลม บรอกโคลีและถั่ว 2.วอร์มอัพก่อนออกวิ่ง การวอร์มจะช่วยเตรียมความพร้อมของกล้ามเนื้อก่อนที่จะออกกำลังกาย หากมีการยืดเส้นยืดสายให้เอ็นและกล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นเสียก่อนก็จะออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้แล้วการวอร์มอัพก่อนออกกำลังกายยังจะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้อาหารที่ตกค้างในกระเพาะถูกย่อยจนหมด จึงช่วยให้อาการจุกท้อง จุกลิ้นปี่ในขณะวิ่งลดน้อยลง 3.ขณะวิ่งต้องหายใจอย่างถูกวิธี การหายใจขณะวิ่งอย่างถูกต้อง จะต้องหายใจเข้าทางจมูก และปล่อยลมหายใจออกมาพร้อมกันทั้งทางจมูกและทางปาก ปล่อยลมหายใจให้เป็นไปตามธรรมชาติ และพยายามหายใจด้วยท้อง โดยการสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอดจนท้องขยายออก และใช้การแขม่วท้องบังคับลมให้ออกมา เนื่องจากอาการจุดเสียดขณะวิ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการหายใจผิดวิธีนั่นเอง 4.ปรับท่าในการวิ่ง ท่าวิ่งบางท่าอย่างเช่นการเอนลำตัวช่วงบนไปด้านหน้ามากจนเกินไป อาจทำให้เกิดอาการจุกเสียดในขณะที่วิ่งได้ จึงควรปรับท่าวิ่งให้ถูกต้องโดยยืดหลังให้ตรงขณะวิ่ง ให้ศีรษะตั้งตรง ตามองตรงไปทางด้านหน้า ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายตั้งแต่ศีรษะลงมาที่หัวไหล่ สะโพก จนถึงพื้นเป็นเส้นตรง ลำตัวยืดตรงไม่โน้มไปด้านหน้าหรือเอนไปด้านหลัง 5.เพิ่มความแข็งแรงให้ช่วงลำตัว นอกจากกล้ามเนื้อช่วงล่างแล้ว กล้ามเนื้อช่วงลำตัว ไม่ว่าจะเป็น กล้ามเนื้อท้อง หลัง และสะโพก ก็เป็นส่วนที่จะต้องถูกใช้งานค่อนข้างที่จะหนักในการวิ่ง เราจึงควรเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อส่วนนี้ด้วยเพื่อที่จะช่วยให้วิ่งสบายมากขึ้นใครที่อยากจะวิ่งออกกำลังกาย แต่ก็มีปัญหาจุกท้อง จุกลิ้นปี่อยู่เป็นประจำ ก็ให้ลองเอาเทคนิคที่เราแนะนำไปใช้ดูนะ จะได้ออกวิ่งทุกวันและมีหุ่นดีฟิตแอนด์เฟิร์มยังไงล่ะ ขอขอบคุณ ภาพ :istock women.sanook.com
View moreติดสมาร์ทโฟนมาก ระวังอาจเป็นโรคละเมอแชทติดสมาร์ทโฟนมาก ระวังอาจเป็นโรคละเมอแชท เกี่ยวกับ ละเมอแชทรู้ไหมว่า แค่ติดสมาร์ทโฟน ก็อาจเสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรคต่างๆ ได้อย่างมากมายเลยทีเดียว โดยเฉพาะ "โรคละเมอแชท" ที่อาจฟังดูแปลกแต่ก็เป็นโรคที่เกิดขึ้นจริง แถมยังส่งผลเสียต่อสุขภาพเป็นอย่างมากอีกด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาทำความเข้าใจกับโรคละเมอแชทกันหน่อยดีกว่า ว่าโรคนี้มีอาการอย่างไร และส่งผลเสียต่อสุขภาพได้มากน้อยแค่ไหนโรคละเมอแชท คืออะไร?โรคละเมอแชทเกิดจากการติดสมาร์ทโฟนมากเกินเหตุ จนทำให้เกิดพฤติกรรมที่ตอบสนองต่อข้อความแชทอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว ทำให้แม้กระทั่งในเวลาหลับ เพียงได้ยินเสียงข้อความแชทเด้งเข้ามา ก็เกิดการละเมอขึ้นมาพิมพ์ตอบทันที โดยที่เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้ากลับจำอะไรไม่ได้เลย ซึ่งก็ถือเป็นอาการที่น่าเป็นห่วงมากทีเดียว ผลเสียจากอาการละเมอแชท สำหรับผลเสียที่เกิดขึ้นจากอาการละเมอแชทก็มีมากมายอย่างที่หลายคนอาจคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ซึ่งก็สรุปได้ว่า1.อาจเกิดปัญหาการเข้าใจผิดกันระหว่างตัวคุณเองกับผู้ที่ส่งข้อความแชทเข้ามา เพราะในขณะที่ละเมอกดส่งข้อความไปนั้น คุณไม่อาจรู้เลยว่าได้พิมพ์ข้อความอะไรลงไป และพิมพ์ตอบใคร กว่าจะรู้อีกทีก็ตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้า ซึ่งก็ได้ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดและกลายเป็นปัญหาไปซะแล้ว 2.สุขภาพแย่ลง เนื่องจากพักผ่อนไม่เต็มที่ นั่นก็เพราะในขณะที่ละเมอร่างกายจะมีการทำงานเสมือนกับเวลาตื่นอยู่ เป็นผลให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาวะที่ได้รับการพักผ่อนน้อย จึงทำให้สุขภาพแย่ลงนั่นเอง โดยผลที่เห็นได้ชัดก็คือ รู้สึกง่วงนอนตลอดช่วงกลางวัน เกิดความเครียดและสุดท้ายก็อาจทำให้เป็นโรคต่างๆ ตามมาได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน โรคหัวใจหรือโรคปวดศีรษะเรื้อรัง เป็นต้น แก้ปัญหาโรคละเมอแชทได้อย่างไร? การแก้ปัญหาโรคละเมอแชทจะต้องเริ่มแก้จากต้นเหตุ นั่นคือการลดการเล่นสมาร์โฟนให้น้อยลง โดยเฉพาะช่วงเวลาก่อนนอน แนะนำให้ออกห่างจากสมาร์ทโฟนอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงก่อนนอน พยายามตั้งสมาร์ทโฟนไว้ให้ห่างจากตัว และหากสามารถปิดเสียงสมาร์ทโฟนด้วยได้ก็จะดีมาก เพื่อจะได้ไม่มีเสียงแชมดังเข้ามาในขณะกำลังนอนหลับอย่างสบายนั่นเอง อย่างไรก็ตามไม่ว่าเวลาไหนก็ควรเล่นสมาร์ทโฟนให้น้อยลงจะดีที่สุดถึงแม้ว่าโรคละเมอแชทจะไม่อันตรายมากเหมือนกับโรคอื่นๆ แต่ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นมาปรับพฤติกรรม โดยการลดการเล่นสมาร์ทโฟนให้น้อยลงกันดีกว่า แล้วคุณจะห่างไกลจากโรคละเมอแชท แถมยังมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ขอขอบคุณ ภาพ :istock,Unsplash women.sanook.com
View more